10 พฤษภาคม 2556

NEC-CU #7.2 ธุรกิจ SME จะโตอย่างไร

23:39 Posted by attaphon singhakiree No comments
ตอนนี้จะกลับมาเล่าต่อจาก Part แรกครับ   หลังจากที่รู้เรื่องธุรกิจด้านไอที อย่าง LIKE ME ไปแล้ว ก็จะเหลือข้อมูลอีกสองท่านคือ คุณปีเตอร์ เจ้าของธุรกิจโดนัท  Daddy Dough  และ อาจารย์โจ จาก RTB technology ที่กลับมาพูดเรื่องการสร้างธุรกิจสำหรับยุค Gen2 ที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตยั่งยืนต้องทำอย่างไร

Daddy Dough

คุณปีเตอร์  ทวีผลเจริญ  เจ้าของธุรกิจโดนัท Daddy Dough  แรกเริ่มก่อนมาทำธุรกิจโดนัทนั้นเคยไปเปิดร้านอาหารที่ต่างประเทศมาก่อน แล้วก็กลับมาทำงานทางด้าน Sales ในบริษัทเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง  ระหว่างทางจึงได้สะสมประสบการณ์ทางด้านการทำธุรกิจร้านอาหารและประสบการณ์ด้านการขายมาก่อนที่จะเริ่มเปิดกิจการ

เรื่องของ Daddy Dough เริ่มมาจาก ในช่วงหลายปีก่อน ที่ Roti Boy กำลังดัง คนต่อคิวซื้อกันเพียบ! คุณปีเตอร์กับครอบครัวเลยคิดที่อยากจะขายบ้าง สุดท้ายเลยมาลงที่โดนัท เลยเลือกที่จะทำโดนัทชีสที่ใช้เวลาทำนานกว่าเจ้าอื่นๆที่ขายตามตลาด  แต่มีข้อดีตรงที่โนนัสจะพองฟูนุ่มน่ากินกว่า ซึ่งเป็นจุดเด่นของโดนัทเจ้านี้

เส้นทางกว่าที่จะมาเป็น 1 ใน top 5 ของยักษขายโดนัทในไทย และเป็นโดนัทเจ้าเดียวที่ธุรกิจเริ่มโดยคนไทย คุณปีเตอร์ได้เล่าเกร็ดข้อคิดในการทำธุรกิจฝากให้ entrepreneur รุ่นใหม่ๆไว้ดังนั้นครับ

#ธุรกิจอาหาร

a1

ธุรกิจทำอาหารมีเคล็ดไม่ลับอยู่ 3 ข้อ สั้นๆ ง่ายๆ
  • รสชาดดี ลูกค้าชอบ
  • มีความสม่ำเสมอ อร่อยยังไงก็ให้อร่อยอย่างนั้น ไม่อร่อยอย่างไรก็ให้ไม่อร่อยอย่างนั้น (ลูกค้าไม่ชอบอาหารที่เปลี่ยนรสชาดไปบ่อยๆครับ)
  • สะอาด

# เรื่องการทำร้าน

เมื่อครั้งเริ่มแรกจะเปิดร้านใหม่ คุณปีเตอร์ลงเข้าไปดูรายละเอียดว่าวัสดุที่ที่ใช้แต่งร้านที่อันใหนไม่จำเป็นก็ตัดออกหรือเปลี่ยนอันที่ถูกลง  เช่นกระเบื้องหรูๆเลือกทำเฉพาะหน้าร้านก็พอ  หลังร้านก็ใช้อีกแบบหนึ่งที่ราคาถูกลง

คนเริ่มต้นธุรกิจต้องลงมาดูส่วนปลีกย่อยในการก่อสร้างด้วย เพื่อพยายามลดต้นทุนการสร้างร้าน ส่วนที่สำคัญคือส่วนที่เป็นด่านแรกรับลูกค้า ควรจะทำให้ดูดี  ให้ประทับใจ  ในส่วนอื่นๆ นอกจากนี้ก็ลดสเปกลงมาหน่อยก็ได้ครับ ไม่ต้องหรูทั้งร้าน

Photo-11-5-2556,-11-46-44

#แบ่งเค้ก

การเพิ่มราคาสินค้าให้สูงขึ้นให้ดูพรีเมียมกว่าเจ้าอื่นๆ ทั้งที่ตัวสินค้าไม่ได้แตกต่างกันกับเจ้าอื่นๆ ร้านค้าที่ขายแบบนี้เตรียมตัวเจ๊ง!

คุณปีเตอร์เล่าว่า มีการทำ Blind test กับลูกค้า ให้กินโดนัทเจ้าต่างๆ ซึ่งลูกค้าก็แยกไม่ออกว่าโดนัทที่กินนี้เป็นของเจ้าใหน หนึ่งในโดนัทที่เอามาทดสอบนั้นเจ้าของเค้าตั้งราคาแพงกว่าชาวบ้านเพื่อหวังว่าจะดูพรีเมียม  แต่สุดท้ายก็ไม่มีคนซื้อและเจ๊งไป

จริงๆ เราควรทำตัว Product ให้แตกต่าง  หาอะไรมาเติมทำให้ Product เราดูมี value เพิ่มขึ้น คุณปีเตอร์ยกตัวอย่างในเคสของตัวเองเช่น โดนัทของ Daddy dough จะทอดด้วยวิธี Zero trans fat  คือ จะช่วยลดโอกาสการเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือดสำหรับคนที่ชอบทานโดนัทที่กินของทอดบ่อยๆ  ก็ทำให้การทานโดนัทนี้ดู Healthy ขี้นครับ

Daddy Dough พยายามขายให้ลูกค้าในกลุ่มเป้าหมาย  เช่นกลุ่มวัยคนทำงาน ไปไปแย่งขายในกลุ่มที่ร้านอื่นเค้าขายกัน เช่นกลุ่่มวัยรุ่น  จึงมีคำแนะนำว่า  "อย่าแข่งขายเค้กก้อนเดียวกัน"

a3

# Niche

พยายามหาตลาดที่เจ้าใหญ่ไม่เข้ามาเล่นกันหรือเข้ามาเล่นยาก  อย่าไปยุ่งกับ Red Ocean 
ถ้าเปรียบเราเป็นปลาตัวเล็กๆ หาช่องทางที่เราจะว่ายน้ำได้สบายๆ ไม่ต้องไปว่ายแข่งกับปลาตัวใหญ่

a2

#วางแบรนด์และสื่อสารกับคนในทีมให้เข้าใจ

หาโมเดลอะไรที่มันเห็นภาพง่ายๆที่จะสื่อเป็นตัวตนแบรนด์ของเรา จากนั้นเอาไปสื่อสารให้ลูกน้องหรือคนในทีมฟังว่าเราจะเป็นแบบใหนอย่างไร  อย่างเช่นของโดนัท daddy dough  คุณปีเตอร์เลือกที่จะเอารถ Bettle  มาเป็นตัวเปรียบเทียบและเล่าให้พนักงานฟังว่า ทำไมเราถึงจะเป็นรถ Bettle ทำไมเราไม่เป็นรถสปอร์ต ฯ  เพราะรถบีเทิล  ดู พรีเมียม  ดูสีสันสดใส  ตรงกับกลุ่มลูกค้าที่จะขายอย่างไร  เรื่องพวกนี้ก็ต้องอธิบายให้พนักงานฟังเพื่อให้เค้าเข้าใจและเดินไปตามทางที่เราวาง Brand ไว้

Photo-11-5-2556,-11-46-48

#เมื่อจะ Go Inter อย่าลืมจดลิขสิทธิ
พยายามจดลิขสิทธ์ไว้ เช่นพวก Logo  เพราะอย่างเคสของ Daddy Dough  มีคนแอบเอาไปจดลิขสิทธิ logo ที่อเมริกา  ซึ่งจะมีปัญหาถ้า daddy dough จะไปเปิดตลาดที่อเมริกาในวันข้างหน้า  โชคดีที่คุณปีเตอร์รู้ตัวทันก่อนและรีบทำเรื่องให้ Logo กลับมาเป็นตัวเอง

Photo-11-5-2556,-11-46-40

# Price Test

มีร้านขายโดนัสเจ้าหนึ่งที่เปิดร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามกันกับ Daddy dough วันหนึ่งเจ้าของร้านโดนัทนั้นก็ทำโปรโมชั่นลดราคาหั่นกันแบบสุดๆ  พนักงานที่ร้านของคุณปีเตอร์ก็รีบโทรมา บอกว่าร้านฝั่งตรงข้ามทำโปรโมชั่นโหดมากนะ  ขายโดนัทกล่องละ 99 บาท เราขายแพงกว่าเค้าตั้งเกือบครึ่ง  เราต้องลดราคาแข่งกับเค้าบ้างแล้วแหละ

คุณปีเตอร์เลยใช้วิกฤตินี้

บอกพนักงานขายว่าอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร . . .

เพื่อที่จะดูว่า ด้วยโปรโมชั่นที่คุ๋แข่งลดราคาตัดกันเกือบครึ่ง  ทำให้ยอดขายของร้านสาขานั้นในเดือนนั้นลดลงเหรือเปล่า

เป็นโอกาสที่จะดูว่า กลุ่มลูกค้าที่ซื้อเรา เป็นพวก sensitive กับราคารึเปล่า 

สรุปเดือนนั้น ยอดขายก็ไม่ได้ตกครับ
กลุ่มลูกค้าของ daddy doug ก็ค่อนข้างจะ royalty สรุปจากเหตุการณ์นี้

Photo-11-5-2556,-11-47-03

#ทำเลและทางเดินของคน

มีเหตการณ์หนึ่งที่คุณปีเตอร์เล่าให้ฟัง เป็นเรื่องของร้านขายโดนัทคู่แข่ง ดูจากรูปนะครับ มันเป็นทางเดินทางเชื่อน่าจะแนวๆ พวกทางเดินของรถไฟฟ้า BTS  ซึ่งมีร้านโดนัทเจ้าหนึ่งเปิดอยู่ฝั่งขวามือของภาพ  แต่ไม่รู้ทำไม เวลาคนเดิน ทั้งเดินไป เดินกลับ เค้าจะเดินชิดริมด้านซ้ายกัน  พวกร้านด้านขวามือก็เลยจะขายของกันไม่ค่อยได้

ก่อนเปิดร้าน ไปดูทำเล  ก็ดูกระแสทางเดินของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้นด้วยนะ

Photo-11-5-2556,-11-47-07

สุดท้ายแล้ว ของฝากเป็นข้อคิดไว้  #ความคิดของผู้ประกอบการณ์  จากคุณปีเตอร์ครับ

Photo-11-5-2556,-11-47-10

  • connect the dots : ถ้าเรามีโอกาสเรียนรู้สิ่งต่างๆ ให้ทำซะ  แล้ววันหนึ่งสิ่งที่เรียนรู้นั้นมันจะได้ใช้ในวันข้างหน้า
  • ท้อได้นะ แต่อย่ายอมแพ้
  • Fire is in You : หาที่ที่ตัวเองอยู่แล้วสบายใจไว้ด้วย   เวลาเจอปัญหา จะได้กลับไปชาร์ตพลัง  จุดไฟในตัวเราใหม่ขึ้นอีกครั้ง
  • โลกนี้ไม่มีความยุติธรรมหรอก : อันนี้เป็นคำพูดของ Bill Gate   หมายถึงว่า   อย่าคิดมากกับเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้น
------------ (END) ------------

อ่านต่อ Part 3 สุดท้ายแล้วครับ

0 Comment:

แสดงความคิดเห็น