27 เมษายน 2556

NEC-CU #6 Innovation กับ SME

09:50 Posted by attaphon singhakiree No comments
เมื่อเราพูดถึงเรื่อง innovation กับการทำธุรกิจ เราน่าจะนึกถึงบริษัท Startup หรือไม่ก็พวกบริษัทที่เกี่ยวข้องกับด้าน IT เท่านั้นที่จะมี เรื่องนี้มาเกี่ยวข้อง  แต่จริงๆแล้วการทำธุรกิจต่างๆทุกประเภทนั้นสามารถมี innovation ภายในตัวเองได้ทั้งนั้น  ซึ่งจะช่วยทำให้เราดำเนินธุรกิจได้ง่ายยิ่งขึ้นหรือไม่ก็อาจเป็นช่องทางใหม่ในการ ขยายกิจการเดิมในตลาดใหม่ๆได้

การมองหาและสร้าง Innovation ภายในธุรกิจจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ


เรามารู้จักประเภทของ innovation กันก่อนที่จะโยงไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจ ซึ่งประเภทของการเกิด innovation ได้ออกเป็น 2 รูปแบบหลักๆ
  • Incremental innovation : พัฒนาต่อยอดมาจากของเดิม
  • Radical innovation : เกิดสิ่งใหม่และแตกต่างไปจากเดิม

a4

แล้วทำยังไงที่ธุรกิจของเราจะเกิด innovation ขึ้นมา ?

innovation ในการทำธุรกิจ เกิดจากการเชื่อมโยงหลายเอาความรู้ เอาเทคโนโลยี หรือวิธีการคิดที่แตกต่างมารวมกันให้เกิดสิ่งใหม่ ( connect the dots ) ต่อมาจึงนำไปเสนอผู้คน เพื่อทำให้ผู้คนยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นและทำเงินได้จากสิ่งนั้น

มีบทสัมภาษท์เรื่องบริษัทผู้นำทางด้าน innovation หลายแห่ง บริษัทเหล่านี้จะมีสิ่งที่เหมือนๆกัน คือ
  • สร้าง Environment ที่เหมาะสมที่จะทำให้เกิด innovation
  • หา Technology ที่เข้ามาช่วยตอบโจทย์แก้ปัญหาต่างๆภายในบริษัท
  • มีคนเก่งในองค์กร และให้เวลาเขาคิดทำสิ่งใหม่ๆ

3 องค์ประกอบนี้จะช่วยทำให้คนในองค์กรเกิดแนวคิดที่ปรับปรุงพัฒนาบางสิ่งบางอย่างให้ดีขึ้น บางครั้งคนในองค์กรนั้นเห็นปัญหาที่อยากจะแก้ แต่อาจจะไม่มีเครื่องมือหรือไม่มีเวลาในการคิดสิ่งใหม่ๆเพื่อปรับปรุงแก้ไข ตรงนี้องค์กรต้องพยายามส่งเสริม 3 องค์ประกอบนี้  เพื่อให้เกิด innovation ภายในกิจการ  และในบางบริษัทอาจมีกิจกรรมภายในที่ช่วยกระตุ้นให้คนคิด innovation ขึ้นมา  เช่น จัดแข่งขันประกวดสิ่งประดิษฐ์ความคิดสร้างสรรค์  ประกวดแนวคิดการทำงานอย่างไรให้ดีขึ้น เป็นต้น

ตัวอย่าง innovation ในธุรกิจ เช่น
  • ธุรกิจท่องเที่ยว : เช่นทัวร์ 1day trip เช่น ไปเที่ยวลอนดอน จะพาไปเที่ยวจุดสำคัญๆของเมือง ภายใน 1 วัน
  • Work from anywhere : ลองให้พนักงานทำงานที่บ้านบ้าง แทนที่จะมาทำงานที่ office  มีตัวอย่างของ World bank ที่พนักงานสามารถทำงานโดยไม่ต้องเข้า office ได้ในทุกวันศุกร์เมื่อทำงานครบสองสัปดาห์
  • Supply chain ที่ดีขึ้น : วัตถุดิบในการผลิตจะมาจากที่ใหนในโลกก็ได้ เนื่องจากการขนส่งในตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว
  • การซื้อของผ่านอินเตอร์เน็ต : เดี๋ยวนี้ลูกค้าจะซื้ออะไร เขาจะหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก่อนการตัดสินใจซื้อ
  • ลดสวัสดิการ : เรื่องการจ้างงานในธุรกิจต่างๆ จะเปลี่ยนเป็น contract เพิ่มขึ้น
ตัวอย่างเคสการใช้ innovation ของโรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) เป็นบริษัทในอเมริกาที่ผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินขายให้กับสายการบินต่างๆ  ซึ่งแต่เดิมจะขายชิ้นส่วนเครื่องบินแยกเป็นชิ้นๆ ซึ่งแต่ละชิ้นมี Margin ต่ำ  ต่อมาทางบริษัทได้เปลี่ยนแปลง innovation ด้านการขายซะใหม่  แทนที่จะขายเป็นต่อชิ้นก็เปลี่ยนเป็นขายเป็น Per service แทน  โดยทางโรลส์-รอยซ์จะดูแลทางด้าน maintenance เครื่องบินให้เอง สายการบินไม่ต้องดูตรงนี้อีกต่อไป สายการบินก็ทำหน้าที่ขายตั๋วและดูแลลูกค้า ( Passenger ) อย่างเดียวก็พอ

การนำ innovation มาใช้กับธุรกิจเพื่อเพิ่มกำไรหรือช่องทางในการขาย เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการควรมองหาอยู่เสมอ   แต่บางคนคิดว่า... เราไม่ได้เป็นพวกหัว creative คิด innovation ปิ้งออกมาได้นะ ! มีคำแนะนำง่ายๆ คือ บางครั้งเราแค่เป็นคนที่สังเกตสิ่งรอบตัวเราดี ๆ และลองฟังเสียงคนรอบ ๆ เรา เช่น ฟังเสียงตอบรับจากลูกค้าบ่อยๆ บางทีเราอาจจะจับไอเดียในการแก้ปัญหาให้ลูกค้าพร้อมเป็นช่องทางใหม่ในการขยายธุรกิจได้ 

------------ (1) ------------
ถ้าเราพูดถึง innovation ในการทำธุรกิจ แล้วไม่พูดถึงคนที่เป็นตำนานนี้ Steve Jobs  คงจะไม่ได้
ในสมัยที่เค้ายังมีลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้ เราได้เห็นบริษัท Apple ได้ออกผลิตภัณท์ที่ตื่นาตื่นใจกันอยู่บ่อยๆ  บริษัท Apple มีจุดเด่นจุดหนึ่ง คือ เรื่องของการ Focus สิ่งที่ทำ ซึ่งเราสามารถดูได้จากจำนวนผลิตภันท์ของ Apple ซึ่งมีไม่เกิน 30 แบบ  แต่สามารถทำกำไรได้มากกว่าบริษัทอื่นๆที่ต้องขายผลิตภันท์เป็น 1000 แบบ
ยกตัวอย่าง 7 ข้อคิด ในหนังสือ The Innovation secrets of Steve Jobs  แนวคิดที่ทำให้ Apple ภายใต้การนำของ Steve jobs  ทำธุรกิจประสบความสำเร็จ  เล่าจากรูปครับ

a1

a2

a3


บริษัทที่จะประสบความสำเร็จในการสร้างนวัตกรรมขึ้นมา ควรจะ " Fit and Focus "  ยิงเน้น ๆ โดนแน่ ๆ ไม่ต้องทำไปทุกอย่าง  จนไม่รู้ว่าควรจะเน้นตรงไหน จนมองไม่ออกว่าอะไรที่สำคัญ

เสริมสำหรับบริษัทที่อยากทำเรื่อง innovation ควรจะต้องมีคนเหล่านี้ในองค์กร
  • Need Seeker : คนที่มองเห็นความต้องการของลูกค้า
  • Market Reader : พวกคนที่อ่านตลาดออก ดูแนวโน้มตลาดว่าจะไปทางใหน
  • Technology Driver : คนที่หา Technology ใหม่ๆ เข้ามาช่วยแก้ปัญหา
สุดท้ายแล้ว มีข้อมูลทำนายพวก Mega-Trend ของธุรกิจที่จะเกิดขึ้นใน 5 ปี 10 ปีข้างหน้า เป็นประเด็นน่าสนใจอยู่สองสามเรื่อง  เอามาฝากเผื่อเป็นไอเดียในการสร้างธุรกิจครับ
  • เรื่องการย้ายถิ่น : อนาคตเราจะเจอเรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการย้ายไปทำงานต่างประเทศทำได้ง่ายขึ้นเรื่อยๆ  อาจจะลองคิดหาธุรกิจที่จะมาตอบโจทย์นี้ดู
  • เรื่องสุขภาพ : ช่วงต่อไปไม่นานนี้ คนแก่จะเพิ่มมากขึ้น รวมถึงคนเราจะดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อย ลองคิดหาธุรกิจที่จะมาตอบโจทย์นี้ดู เช่น อาหารกินแล้วสวย ผอม สุขภาพดี อายุยืนยาว ฯ
  • การแสดงตัวตน : ต่อไปคนเราจะอยากเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น อยากมีเอกลักษณ์ อยากแตกต่างจากคนอื่นๆ ลองคิดหาธุรกิจที่จะมาตอบโจทย์นี้


------------ (END) ------------

0 Comment:

แสดงความคิดเห็น